(มาอัปเดตเพิ่ม ยังไม่จบ อยู่ act 2)

สนุกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือยกเครื่องคอมแบทใหม่ ลื่นไหลสุดๆ คัตซีนดีงาม คอมพาเนียนมีสเน่ห์

เล่นวอริเออร์มันส์จัดบอกเลย เสียงตอนโล่กระแทกับพื้น เสียงตอน counter attack ฟินมากกก

- เนื่องจากคอมแบทมันออกไปทาง action จ๋าเลย ผสม tactical อยู่หน่อย แต่ไม่มี top-down camera, ไม่ได้คุมตัวละครอื่นในปาร์ตี้ แถมเพื่อนในทีมก็ไม่มีหลอดเลือด(ไม่ตายในคอมแบท) แล้วยังลดเหลือ 3 คนรวมเราด้วย ตอนทีเซอร์ออกแรกๆ ก็ขัดใจ แต่พอมาเล่นเองแล้วก็รู้สึกว่ากลมกล่อมดี

- quality of life ที่ดีมากๆ คือ ไม่ต้องจัดการ inventory แล้ว ไม่มีช่องเต็ม ถ้าเก็บของ/ซื้อไอเทมซ้ำอันเดิมจะอัปเกรด trait ขั้นต่อไปของไอเทมนั้นๆ ส่วนเลเวลไอเทมอัปเดตได้จาก shop ที่ฐาน

- ส่วนกราฟฟิก, เลเวลดีไซน์,ซาวน์ดีไซน์,ฉากคัตซีน ดีงามทุกอย่าง ถ้าคอมไหวคือได้ใช้ photo mode เพลินมาก ฉากดีไซน์สวยจริงๆๆๆๆๆๆๆๆ (ย้ำว่าจริงๆ) ถึงบางที่จะได้สำรวจแค่สั้นๆ แต่เจ๋งมาก อยากให้ค่อยๆ ดูแต่ละห้องแต่ละสถานที่ที่เค้าจัดวาง ไม่ใช่วิ่งผ่านไปเร็วๆ มันรู้สึกดีที่ได้สำรวจสถานที่ๆ ถูกพูดถึงมานานในที่สุดก็ได้สัมผัส(แค่บางส่วนก็ยังดี)

- การดำเนินเรื่องกับเกมเพลย์ไม่ใช่ open world แต่ออกไปทาง level base ตัวอย่างเช่น เราทำเควสใน area นี้ ซึ่งเส้นทางทำเควสมันต้องการแค่พื้นที่บางส่วน ส่วนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวก็จะยังเข้าไม่ได้จนกว่าจะปลดล็อคอินโทรของ area นี้หมดแล้วค่อยมาเก็บตามหลังได้ แถมบางทีเคยไปมาแล้ว พอกลับไปอีกด้วยเควสเนื้อเรื่องใหม่ พื้นที่ตรงนั้นก็เปลี่ยนไปเหมือนมันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงๆ ... ซึ่งเป็นอะไรที่รู้สึกชื่นใจหลังจากเล่น inquisition เพราะภาคนั้นโคตรเหนื่อย grinding และเควสส่วนใหญ่ก็เป็นเควสไร้สาระ หาของ ตีมอน ส่งเควส แถมเล่นจบ play through นึงต้องใช้เวลาเป็นร้อยชั่วโมง มาภาคนี้ดูจะกระชับขึ้นเยอะ แต่ละพื้นที่รู้สึกมีความหมายมากขึ้น
(อัปเดต: ไม่..แก ฉันเล่นมาจะร้อยชม. แล้วมันยังไม่จบเลยอะ 5555 ยังอยู่ act 2 อยู่เลย แต่เพราะเก็บครบทุกเควสด้วยก็เลยช้า ตัวเควสมันกระชับนะ แต่ช้าเพราะมัวแต่เดินถ่ายรูป มี screenshot เป็นพันแล้ว บ้าปะล่ะ)

- ถึงจะบอกว่าพื้นที่เล็กลงแล้วแต่บอกเลยว่าซับซ้อนขึ้นเยอะ กรุณามองบนล่างซ้ายขวาหน้าหลังให้ครบ และถ้ายิ่งปิด hint/guide ทุกออบชันแบบเรา คุณก็จะหลง 5555 เดินวนไปวนมาอยู่นั่น แต่แนะนว่าไม่ต้องพยามเก็บทุกอย่างให้ครบในตอนแรกๆ ให้เล่นไปเรื่อยๆ ตามเนื้อเรื่องเดี๋ยวมันจะปลดเส้นทางให้ ถึงตอนนั้นเราค่อยมาตามเก็บก็ได้จะได้ไม่เสียเวลาหาทางผ่านทั้งๆ ที่มันยังล็อคอยู่

- เครื่องเราอาจจะ cpu ต่ำกว่าสเปค เจอเสียงกระตุกๆ ขาดๆ บ่อยในฉากที่มีคนเยอะๆ หรือในป่า (Ryzen 5 2600x)

- เห็นมีคนเจอบั๊กประปราย บั๊กไม่เท่าไหร่มันเล็กน้อยเรื่อง ui โหลดไม่ทัน แต่ที่บ่อยกว่าคือเกมแครช สังเกตุว่าแครชบ่อยตอนที่ตั้งค่าคีย์บอร์ดเป็นภาษาไทย แล้วเข้าเมนูตั้งค่าในเกม พอเปลี่ยนกลับก็ดีขึ้น ... อีกสองสามรอบก็ คอมแบทมันค้างแบบงงๆ เสร็จแล้วสักแปปเกมก็แครช แต่เกมออโต้เซฟให้บ่อยมาก ใจดีเกิน แต่อย่าลืมเซฟแมนนวลด้วยนะ อุ่นใจกว่า

- การคุยกับ companion: ตอนเล่น inquisition ชอบมากตอนที่ได้คุยกับตัวละครแล้วถามตอบหัวข้อเรื่องได้เยอะและลึกเลย คือคุยทีใช้เวลาเป็นครึ่งชม.ได้ พอมาภาคนี้จะไม่ได้คุยฉ่ำแบบนั้นแล้ว ความรู้เบื้องลึกส่วนมากมาจากการเก็บอ่าน codex *อยากให้อ่านจริง มันทำให้เกมรู้สึก rich ขึ้นเยอะ*

- เพลงประกอบเกม: ถือว่าดี เข้ากับสถานการณ์ดี แค่มันจำไม่ได้เหมือนภาคที่แล้ว ไม่ได้รู้สึกว้าวบ่อยๆ เท่าไหร่ แต่พออยู่ในคัตซีนหรือเกมมันกลมกล่อมนะ

- Romance: ให้อารมณ์มาช้า แต่มานะ จะบอกว่าคอนเทนต์แต่ละตัวละครมันก็คนละอารมณ์ เอาจริงๆ รู้สึกดึงดูดกับตัวละครในแว๊บแรกมากกว่าภาคที่แล้วนะ แต่สุดท้ายก็ผูกพันธ์กับทุกคนนั่นแหละ ภาคนี้ฉันก็จีบหลายคนพร้อมกัน 55 ถึงเวลาถ้าต้อง commit มันจะเตือนเอง ฉะนั้นเจ้าชู้ได้ระดับนึง จนกว่าเกมจะบอกให้หยุด
เม้ามอยคนที่จีบ: เราจีบ Emmrich + Davrin + Neve คนแรกคือเล็งไว้ก่อนเล่น คนที่สองกับสามตามมาเองตอนเล่นๆ ไปแล้วหลงเสน่ห์ เซฟแรกเลือกคนแรกก่อน รู้สึกชอบดีไซน์ personality กับปูมหลังและหลายๆ อย่างของตัวละคร มันดูลึกซึ้ง ดูเศร้า แล้วก็สงบในเวลาเดียวกัน บรรยายไม่ถูกแต่ว่าเป็นองค์ประกอบที่มีสเน่ห์มาก อีกสองคนก็ชอบจากเควสและการพูดคุย เดี๋ยวรอเล่นรอบถัดไปจะจีบ

- เรื่องช้อยส์และผลกระทบ: ช้อยส์พูดคุยย่อยๆ ไม่ได้มีผลอะไรเป็นเหมือนแค่ role บทพูดแสดงถึงนิสัย Rook มากกว่าที่จะเป็นการเลือกจะทำหรือไม่ทำ เพราะเนื้อเรื่องมันเป็นไปตามสูตรทั้งเกม ยกเว้นแค่ช้อยส์ใหญ่ๆ ไม่กี่ช้อยส์ที่ impact จริงๆ เพราะฉะนั้นจะถามหาอิสระในเกมนี้แบบ DAO ก็ไม่เจอหรอกนะ

- เล่นที่ความยาก underdog แรกๆ สนุกดี หลังๆ เริ่มเหนื่อย health boss เยอะเกิ๊นพี่ชาย แนะนำให้เล่นธรรมดาไปก่อน ถ้ามันง่ายเกินค่อยปรับขึ้น พอเริ่มยากก็ปรับลงได้ ไม่งั้นตายบ่อยจริง ต้องใส่บิลด์ดีๆ หาไอเทม trait ดีๆ ตั้ง primer + detonator ดีๆ ถึงจะสนุก


- ก่อนเล่นเราเคยกังวลบางฉากที่มีคนอื่นแปะมา ว่ามันอาจจะ cringe จากความโว้ค (ฉากมองกระจกถือ) แต่มาเล่นเอง เจอแล้วไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย คือมันเป็นช้อยส์ที่เราเลือกเอง พวกที่แคปมาบ่นนี่ไร้สาระมากบอกตรง ส่วนของตัวละคร Taash เล่นครบส่วนที่เค้า Ew บทกันแล้วก็รู้สึกงงว่าดราม่าไรกัน รู้สึกเข้าใจตัวละครและเอ็นดูด้วยซ้ำไป

- จากการเล่นภายใน 10 ชม. สัมผัสได้ว่าเกมมันค่อนข้าง Sentimental เลย ตอนที่มีตัวละครหลักนึงปลอบ Rook เราที่เป็นผู้เล่นกลับรู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจจริงๆ สงสัย relate แต่มันรู้สึกดีมาก เหมือนมีคนอยู่ข้างเรา

- เนื้อเรื่่อง companion ทำมาได้ดีเลย มีทั้งปมปูพื้นหลังตัวละคร มุมอ่อนไหว มุมผ่อนคลาย เล่นแล้วเพลินมากๆ รู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครมากขึ้น จัดไปแล้ว 1 cry เก๋ๆ (อันนี้เขียนตอนเล่น 25 ชม.) ฮือ.. นักพากย์กับบทคือส่งกันดีมาก

- ส่วนตัวเราค่อนข้างมีช่วงเวลาที่เบื่อเกม ตอนที่พยามไล่เก็บเควสย่อยให้หมดทีเดียวช่วงๆ act 2 อยากแนะนำให้ไม่ต้องทำแบบนั้น มันจะรู้สึกเหนื่อยพาลให้ไม่อยากจบเกมได้ .. ค่อยๆ เล่นไปดีกว่า ทำเควสหลักบ้างเควสรองบ้าง สลับกันไป

- ชอบมากๆ คือตอน end of act 1 อันนี้ขนลุกเลยทั้งฉาก เพลง คัตซีน แนะนำเล่นแล้วให้มองลงไปข้างล่างด้วย ได้ฟีล Helm's Deep ใน lotr ยังมีตำนานหลายประเด็นที่ถูกกล่าวถึงตั้งแต่ภาคก่อนๆ แล้วมาไขปริศนาในภาคนี้ประทับใจมาก

- โมเม้นท์ยิ้มแก้มปริบ่อยมาก อยากดึงอัซซานกับแมนเฟรดมากอด ลูบหัว น่ารักจริงง

------
ฝากนิดนึง อย่าให้ใครมาทำลายความสนุกของเรา ใครลังเล มีตังค์พอแล้วอยากเล่น อย่าลังเลค่ะ ซื้อโลด
ใครแหยงเรื่องประเด็น woke ทำลายเกมที่ฉันรัก แนะนำให้หยุดติดตามข่าวแล้วกลับมาใหม่เมื่อคนเหล่านั้นหันไปหาเป้าหมายอื่นแล้ว จากนั้นค่อยคิดดีๆ ตรึกตรองเอาเองว่าเปิดใจรึยัง ถ้าอยากได้ข้อมูลรีวิวแนะนำให้หาอ่านหลากหลาย แต่ได้โปรด ignore haters และรีวิวบอมบ์ทั้งหลายด้วย สังเกตว่ารีวิวที่ไม่แนะนำจะได้รับโหวตเยอะแบบเว่อเพราะพวกรีวิวบอมบ์ มันทำอะไรไม่ได้ ที่ทำได้คือมากดโหวต ก็ไม่ต้องไปสนใจ
ส่วน community ที่มีคนคุยแบบมีเหตุผล ตอนนี้เจอบน reddit กับกลุ่มเฟสบุค Dragon Age บน FB ทั้งไทยและเทศ (แนะนำอย่าเข้า youtube นะ griefter เยอะไม่ไหว) เลือกสถานที่ที่จะเข้าไปนะคะ ลองตั้งโพสถามคนที่เล่นจริงๆ เดี๋ยวก็ได้รับคำตอบเอง

ปล. ออกตัวว่าไม่ใช่ woke หรือ anti-woke แต่ฉันตลกพวกดราม่าว่า "บท Taash ใส่ประเด็นนี้มาทำไม ไม่ได้อยากรู้" หรือ "เกมกระจอก เดฟส่งเสริมความผิดปกติ เกมเจ๊งก็สมน้ำหน้า" อะไรพวกนี้ ความคิดดึกดำบรรพ์มาก เหมือนไม่ค่อยออกนอกบ้าน